• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบผลสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนมักจะคิดอย่างงี้

Started by dsmol19, April 06, 2023, 09:12:42 AM

Previous topic - Next topic

dsmol19

ขณะที่ยังเป็นเด็กนักเรียน คนไม่ใช่น้อยต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดคณะที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่ใครก็รู้จักเป็นต้นว่า เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเยอะแยะพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้เป็นสุขยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" ผู้ใดกันก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป

และในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ออกจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุไร ถ้าสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าจ้างรายเดือนที่มิได้เยอะมากอะไร ?"

คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะเหตุว่ามันเต็มไปด้วยความมุ่งมาดที่คิดว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าลองกลายเป็นความนึกคิด "ฉันทำงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ว่าถ้าคิดๆดูแล้ว มันได้เรื่องสบายใจ เยอะกว่าการตั้งข้อซักถามแบบแรกเพราะเหตุว่าข้อเท็จจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความเข้าใจในตนเอง "แตกต่างกัน" กันไปเราไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งแบบเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานที่เรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งเพียงใด

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้ในรั้วเพียงแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังจำต้องรู้เหตุการณ์อีกมาก

ศึกษากันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกเยอะโดยเหตุนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จะต้องทำงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาต้องทำงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอ

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจำเป็นต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆศึกษา เบาๆปรับพฤติกรรมไป สิ่งที่เรากำลังสนุกสนานเวลานี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งในช่วงเวลานี้ ในภายหน้า มันอาจเป็นเพียงแค่ความทรงจำ

เพราะอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่นว่า จำต้องพับโครงการศึกษาต่อเอาไว้

เพราะว่าเงินไม่เพียงพอควรต้องดำเนินงานหาเงินก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราถูกใจ ...

เราจะต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่ต้องการของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนเราทางตรง แต่ว่าให้พวกเราค่อยๆซึมซับข้อดีแม้กระนั้นอย่างไปเอง ดังเช่น ฝึกฝนความทรหดอดทน, ฝึกฝนความวิจิตร,

ฝึกฝนความถนัดการเข้าสังคมในกาลครั้งหนึ่งที่พวกเราไม่เห็นผลดีว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็จะต้องมีบ้างล่ะที่เรานึกอะไรขึ้นมาจนจำต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นตำราเรียนอีกครั้ง

ทุกวิชาความรู้ที่พวกเราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีลู่ทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองกระทั่งเกินความจำเป็น ได้แก่ หากวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าเกิดพวกเรามิได้อาชีพนี้ พวกเรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดังจิตใจในทันทีทันใดมันคือเรื่องปกติมากๆที่จะต้องแลกกับความอ่อนเพลีย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากจะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางบุคคลถึงแต่งเพลงได้?

เพราะอะไรบางบุคคลเรียนวิชาชีพแต่ว่ามาเป็นนักแสดง?

เพราะอะไรบางคนเรียนไม่จบแต่บรรลุความสำเร็จ?

ถ้าเกิดยังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "ความรู้" พวกเราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่?" แล้วก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และก็มีหลายมิติ ใช่ว่าต้องมองเพียงด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/
คำค้นหา : ทำงานไม่ตรงสาย