• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Jenny937, April 05, 2023, 12:33:10 PM

Previous topic - Next topic

Jenny937

1. เนื่องจากว่าเรามิได้เกิดขึ้นมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกเมื่อเชื่อวัน บ่อยมากที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราถูกใจจะก่อให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น และก็ เพิ่มความมั่นใจ ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ดำเนินงานส่วนมากมักทำให้พวกเราท้อแท้ใจ และก็ขาดความมั่นใจในตัวเอง ส่วนตัวเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ขมักเขม้นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ เดี๋ยวนี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เราเคารพที่สุดในที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นนายจ้าง คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน รอสั่งคนนู้นทีคนนี้หน แต่พอใช้ได้มองดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมิได้ยังไง เพราะเหตุใดน่ะเหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองกระเหม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพนับถือด้วย หนำซ้ำบางทีอาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


หากให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็ต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากไปเที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

เพียงแค่เราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มากมาย เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

หลายท่านมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ทราบรึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนพ้องเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำเต็มกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราณพด้วย เนื่องจาก ส่วนใหญ่คนภายในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่งม ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา สนใจ เอาใจใส่ แต่ว่า... อย่ าเก็บทางวิ่งผู้อื่นมาอิจฉา

ตอนปีที่ล่วงเลยมานี้ เพื่อนฝูงเราคนไม่ใช่น้อยเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง บางทีเราเลื่อนมองหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดียิ่งกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนฝูงผู้คนจำนวนมากบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ควรจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น

โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา รู้ดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายพวกเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้เราประพฤติดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองทางวิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตมากเพิ่มขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาตั้งใจจนเป็นทุกข์พอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งจะตกอกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้แปลว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับคนใดกันแน่ แต่... มีความหมายว่า " เราไม่สนใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) โดยมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเสียทีเลยนะ มีคนคอยซ้ำมากเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้เราเหนือกว่ามากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่ทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินการกับผู้ใด เพราะฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ว่าในอนาคต อาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับในการปฏิบัติงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าเรื่องมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกไปเรื่อยๆโดนด่าทอเดี๋ยวนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุตอนอายุ 50 มากมาย แม้จะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ ด้วยเหตุนี้ ล้มเหลวเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " สหายร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม รวมทั้งการหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไร พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงจิตใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากเพียงใด


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อน โดยเหตุนั้นวันๆเราก็เลยจะเจอเพียงแค่สหายร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่รวมทั้งเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ เรามีความคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ

เสวนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม แล้วก็การหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่แท้ใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากแค่ไหน นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อน ด้วยเหตุนี้วันๆพวกเราก็เลยจะเจอเพียงแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็สหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเราคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ เสวนาแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. ต้องเป็น " ลูกจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากไปถึงเป้าหมาย แล้วก็ เป็นสุข ต้องเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ พูดง่ายแต่ทำย ากนะ เนื่องจากผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงงานปริมาณหนึ่ง " ซึ่งก็นับได้ว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนนั้นๆ

พวกเราต้องทราบดีว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทมุ่งหวังหากต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ ถ้างานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเรามีความสุขแล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตนเองออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้เราพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ หากท้ายที่สุดพวกเราพบสายอาชีพที่เรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าจ้างกระทั่งเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แต่ควรมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย ยกตัวอย่างเช่นได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา เครือญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ เวลานี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นแต่ละวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสุขของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/