• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสต์ฟรี โปรโมทเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Recent posts

#61
😃 แชทเพื่อสั่งซื้อ และสอบถามเพิ่มเติม
แชท : https://lin.ee/gjx1XIB
#62
mono55 ตอบโจทย์นักพนันยุคใหม่ที่ต้องการความ ทันสมัย พร้อมฟังก์ชันสุดล้ำ เช่น

ระบบ กระเป๋าเดียว

รองรับการใช้งานทุกอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์

มีค่ายเกมดังมากมาย PG ให้เลือกเล่นแบบไม่อั้น

ไม่ว่าจะสาย บาคาร่า ที่นี่ก็มีให้ครบ จบในที่เดียวแบบ เต็มอิ่ม
#63
สอนถ่ายรูป สอนถ่ายภาพ ตกแต่งภาพ
kato academy
https://katoacademy.com/photo-basic
#64
วิธีดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ให้อยู่สวยงาม ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นการลงทุนที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและความอบอุ่นให้กับบ้านของคุณ และด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้มีความคงตัวและทนทานกว่าพื้นไม้จริงในหลายๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ยังคงความสวยงามและใช้งานได้ยาวนานที่สุด การดูแลรักษาที่ถูกต้องและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะแนะนำวิธีดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ตั้งแต่การทำความสะอาดในชีวิตประจำวันไปจนถึงข้อควรระวังต่างๆ เพื่อให้พื้นของคุณดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

การดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ในชีวิตประจำวัน: เริ่มต้นที่ความสะอาด
การทำความสะอาดพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันความเสียหายสะสมจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก:
[ol]
  • ทำความสะอาดฝุ่นและสิ่งสกปรกเป็นประจำ:
    [ul]
    • กวาดหรือดูดฝุ่น: ใช้ไม้กวาดขนอ่อน หรือเครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวสำหรับพื้นไม้แข็งโดยเฉพาะ (หลีกเลี่ยงการใช้หัวแปรงแบบหมุนหรือ Beater Bar ที่อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน) ดูดฝุ่น เส้นผม และเศษเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือบ่อยกว่านั้นในบริเวณที่มีการใช้งานหนัก
    • ใช้ไม้ถูพื้นแบบไมโครไฟเบอร์แห้ง: ไม้ถูพื้นแบบหัวไมโครไฟเบอร์ที่แห้งสนิทเป็นเครื่องมือที่ดีเยี่ยมในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กและขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    [/ul]
  • เช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกหรือของเหลวที่หกทันที:
    [ul]
    • เช็ดทันที: สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อมีของเหลวหรือคราบสกปรกหกบนพื้น ให้รีบใช้ผ้าแห้งหรือกระดาษทิชชูซับออกทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะความชื้นอาจซึมลงไปทำความเสียหายได้
    • ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ: สำหรับคราบที่เช็ดด้วยผ้าแห้งไม่ออก ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ (ย้ำว่า หมาดมากๆ) เช็ดคราบออก แล้วรีบใช้ผ้าแห้งอีกผืนเช็ดบริเวณนั้นให้แห้งสนิททันที
    • ใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้โดยเฉพาะ: หากคราบสกปรกฝังแน่น ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หรือพื้นไม้เคลือบแข็งโดยเฉพาะ ทดสอบน้ำยาในบริเวณที่มองไม่เห็นก่อนเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์
    [/ul]
[/ol]
ข้อควรระวังและวิธีการป้องกันความเสียหาย: ปกป้องพื้นไม้ของคุณ
การป้องกันความเสียหายเป็นส่วนสำคัญของการดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ในระยะยาว:
[ol]
  • ป้องกันรอยขีดข่วน:
    [ul]
    • ติดแผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์: ติดแผ่นสักหลาดหรือแผ่นรองที่อ่อนนุ่มใต้ขาเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น (โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ตู้) เพื่อป้องกันการเกิดรอยเมื่อมีการเคลื่อนย้าย
    • หลีกเลี่ยงการลากของหนัก: ยกสิ่งของที่มีน้ำหนักแทนการลาก
    • ดูแลเล็บสัตว์เลี้ยง: ตัดเล็บสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะสุนัขและแมว) ให้สั้นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนจากการเดิน
    • ใช้พรมเช็ดเท้า: วางพรมเช็ดเท้าคุณภาพดีทั้งด้านนอกและด้านในบริเวณประตูทางเข้า เพื่อช่วยดักจับฝุ่น กรวด หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อาจติดมากับรองเท้า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรอยขีดข่วนขนาดเล็กบนพื้นผิวไม้
    [/ul]
  • ป้องกันความชื้นและน้ำ:
    [ul]
    • เช็ดน้ำ/ของเหลวที่หกทันที: เน้นย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของข้อนี้
    • หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดแบบเปียก: ห้ามใช้ไม้ถูพื้นแบบเปียกชุ่ม หรือเทน้ำยาทำความสะอาดลงบนพื้นโดยตรง การใช้น้ำปริมาณมากอาจทำให้ชั้นไม้จริงหรือชั้นแกนกลางเสียหายได้
    • ใช้ถาดรอง: วางถาดรองใต้กระถางต้นไม้ แจกัน หรือชามอาหาร/น้ำของสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันน้ำหกหรือซึมลงพื้น
    • ควบคุมระดับความชื้นในห้อง: ในสภาพอากาศที่แห้งหรือชื้นจัด การควบคุมระดับความชื้นภายในห้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (โดยทั่วไปประมาณ 30-50%) ด้วยการใช้เครื่องเพิ่มความชื้นหรือเครื่องลดความชื้น สามารถช่วยลดการยืดหดตัวของไม้และรักษาความคงตัวของพื้นได้
    [/ul]
  • ป้องกันแสงแดด: แสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้พื้นไม้เกิดสีซีดจางหรือสีเปลี่ยนได้ ใช้ผ้าม่าน มูลี่ หรือฟิล์มกรองแสงที่หน้าต่างเพื่อลดการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง
[/ol]

การทำความสะอาดคราบฝังแน่นและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
[ul]
  • การจัดการคราบฝังแน่น: สำหรับคราบที่เช็ดออกยาก เช่น คราบไขมัน หมึก หรือรอยรองเท้า ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้ที่แนะนำสำหรับพื้นไม้เคลือบแข็งโดยเฉพาะ ป้ายน้ำยาเล็กน้อยบนผ้าสะอาด แล้วค่อยๆ เช็ดคราบออก หลีกเลี่ยงการขัดถูแรงๆ ที่อาจทำลายผิวเคลือบ
  • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด:
    [ul]
    • ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย น้ำยาขัดเงารถยนต์ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำลายผิวเคลือบและเนื้อไม้ได้
    • ห้ามใช้เครื่องขัดพื้นแบบใช้ขัดเปียก หรือเครื่องทำความสะอาดไอน้ำ เว้นแต่ผู้ผลิตพื้นไม้ของคุณจะระบุว่าสามารถใช้ได้
    • ห้ามใช้แว็กซ์ (Wax-based products) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคน เว้นแต่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของคุณแนะนำเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้พื้นลื่น สะสมคราบ หรือทำให้ยากต่อการซ่อมแซมในอนาคต
    • ห้ามใช้ฝอยขัด โฟมล้างจาน หรือวัสดุที่มีความหยาบในการขัดถู
    [/ul]
[/ul]

การบำรุงรักษาตามระยะ
นอกจากการดูแลประจำวันแล้ว บางครั้งอาจจำเป็นต้องมีการดูแลพิเศษ:
[ul]
  • การทำความสะอาดอย่างล้ำลึก: นอกจากการกวาด/ดูดฝุ่น อาจมีการใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้โดยเฉพาะร่วมกับไม้ถูพื้นแบบไมโครไฟเบอร์ที่บิดน้ำออกจนหมาดสนิท เพื่อทำความสะอาดพื้นผิวให้หมดจดขึ้นตามความเหมาะสม
  • การฟื้นฟูสภาพผิว (Refresher/Polish): บางยี่ห้ออาจมีผลิตภัณฑ์สำหรับฟื้นฟูสภาพผิวเคลือบของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เพื่อช่วยให้พื้นดูใหม่และเพิ่มชั้นการป้องกันบางๆ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ควรเป็นไปตามคำแนะนำและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตพื้นไม้ของคุณแนะนำเท่านั้น
[/ul]

ข้อควรจำที่สำคัญที่สุด: คู่มือผู้ผลิต
เคลือบผิวและโครงสร้างของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อและรุ่น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือคุณควร อ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลรักษาเฉพาะของผู้ผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของคุณอย่างเคร่งครัด คำแนะนำเหล่านี้มักจะระบุชนิดของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมและวิธีการดูแลที่ถูกต้องสำหรับพื้นไม้ที่คุณติดตั้ง


การดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อน แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความใส่ใจในรายละเอียด โดยเน้นที่การทำความสะอาดฝุ่นเป็นประจำ การเช็ดคราบหรือน้ำที่หกทันที การป้องกันรอยขีดข่วน และการหลีกเลี่ยงความชื้นและสารเคมีรุนแรง ด้วยการดูแลที่ถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิต พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของคุณก็จะยังคงความสวยงาม ทนทาน และเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านของคุณไปได้อีกหลายปี

Tags : การดูแลรักษาไม้เอ็นจิเนียร์
#65

พิมพ์นามบัตร Digital Offset ราคาคละแบบได้ เริ่มต้นขั้นต่ำ 100 ใบ 100 บาท
พิมพ์เพลินพริ้นท์ มีบริการ Template พิมพ์นามบัตรสวยๆ ไว้ให้เลือกมากกว่า 100 แบบ
และพิมพ์นามบัตรพรีเมียม จัดส่งทั่วประเทศ ทำนามบัตรด่วน พิมพ์นามบัตรสี
การพิมพ์นามบัตรในงานแนะนำตัว
          การพิมพ์นามบัตรในการแนะแนวองค์เป็นมารยาทพื้นฐานสำคัญในงานทำธุรกิจหรือติดต่องานที่เป็นทางการ
คุณต้องมีการพิมพ์นามบัตรเตรียมพร้อมไว้ทุกเวลาไม่ควรให้ห่างจากตัวแม้ว่าจะเป็นวันส่วนตัวธรรมดาก็ได้  เพราะคุณ
ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะต้องใช้มันเมื่อไหร่  คุณเป็นได้จะได้มาเจอคู่ทำการค้าโอกาสธุรกิจในวันเหล่านี้ก็เป็นได้  ดังนั้นอย่างน้อย
คุณควรแบ่งพิมพ์นามบัตรไว้ในกระเป๋าสตางค์ บนรถ หรือสอดไว้ตามที่ต่างๆ เป็นต้น  สำหรับจำนวนการพิมพ์นามบัตร
ควรนึกคิดความเหมาะสมให้ดีและเมื่อนามบัตรใกล้หมดควรจะสั่งพิมพ์ล่วงหน้าโดยคำนึงระยะเวลาในการจัดทำด้วย
เพราะหากพิมพ์นามบัตรมิเพียงพอต่อการใช้งานอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการงานและธุรกิจที่สำคัญได้
          การแจกนามบัตรนั้นคุณเชื่อหรือไม่ว่าถูกจัดลงในหลักสูตรการศึกษาเล่าเรียนด้านธุรกิจเกือบทั่วโลก  บางครั้งคุณอาจจะ
คิดว่าการพิมพ์นามบัตรเป็นการฟุ่มเฟือยหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศเช่นนี้  แต่ทว่าแม้แต่บริษัทผู้นำ
ด้านไอทีระดับโลกยังคงต้องใช้นามบัตรกันอยู่ล้วน  เพราะความหมายโดยนัยในการแจกนามบัตรนั้นเป็นการแสดงให้
เห็นถึงความต้องการที่ให้ความช่วยเหลือ  คำแนะนำ หรือติดต่อพบปะกันในอนาคต ทำให้ผู้รับรู้สึกประทับใจในครั้งแรกใน
ตัวคุณ  หรือสำหรับบางประเทศที่มีธรรมเนียมปฏิบัติเชิงอนุรักษ์ถือว่าการพิมพ์นามบัตรมอบให้แก่ผู้อื่นเป็นกิริยาพื้นฐานที่ขาดไม่ได้
          ทั้งนี้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดประเภทพื้นฐานของนามบัตร  นามบัตรนั้นมักจะแบบใช้กำหนด
ขนาดตามหลักการสากลโดยจะอยู่ที่ 9.4 x 5.5 เซนติเมตร  ซึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการออกแบบพิมพ์นามบัตรแทบจะ
มีการเจาะจงขนาดโครงหน้าเท่าขนาดนามบัตรจริงเกือบทุกโปรแกรม  สำหรับสิ่งที่ต้องอยู่ในนามบัตรนั้นอย่างน้อยที่สุด
ต้องระบุชื่อและช่องทางติดต่อสื่อสารกลับ  โดยหลายท่านไม่นิยมระบุชื่ออาจจะใส่ชื่อบริษัทหรือร้านค้าก็ได้ สำหรับช่องทางการ
ติดต่อกลับอาจจะให้เป็นเบอร์โทรศัพท์  ที่อยู่ หรืออีเมล ก็ได้ตามแต่สะดวก การพิมพ์นามบัตรนั้นท่านสามารถออกแบบได้
ด้วยตนเองและพิมพ์นามบัตรใช้เองก็ได้  แต่คุณลักษณะอาจจะไม่ดีพอที่จะใช้ในระยะยาวหรือหากพิมพ์ใช้เป็นปริมาณมาก
อาจจะค่าใช้จ่ายอาจจะมีราคากว่าโรงพิมพ์อีกด้วย
          สำหรับการพิมพ์นามบัตรโดยโรงพิมพ์นั้นในปัจจุบันมีราคาไม่แพงโดยขึ้นอยู่กับปริมาณที่สั่งพิมพ์  โดยสิ่งที่ต้อง
พิจารณาหลักๆ คือคุณลักษณะของงานพิมพ์แต่ละที่  อย่างไรก็ตามความคมชัดและรายละเอียดของหมึกจะดีกว่าเครื่องพิมพ์
เอนกประสงค์ตามบ้านโดยทั่วไปแน่นอนและสามารถเลือกใช้กระดาษแบบต่างๆ ที่ไม่สามารถใช้เครื่องพิมพ์ที่บ้านได้ ซึ่งที่
นิยมกันหลักแล้วก็จะเป็นกระดาษอาร์ตการ์ดที่มีความหนา 260 แกรมขึ้นไปเพื่อให้มีความแข็งแรงเพียงพอ  แต่บางครั้ง
อาจจะเลือกใช้กระดาษแบบอื่นที่บางกว่าแล้วใช้การเคลือบผิวพลาสติ๊กบนบนงานพิมพ์นามบัตรเพื่อเพิ่มความหนาและ
ความทนทานซึ่งจะมีทั้งเคลือบแบบเงาและแบบด้านก็ได้  นอกจากรายละเอียดการพิมพ์ที่งามแล้วโรงพิมพ์เหล่านี้จะมี
เทคนิคการตกแต่งพิเศษที่การเคลือบ UV หรือ SPOT UV เพื่อให้หมึกเพิ่มความเงาเน้นในจุดที่ต้องการ เป็นต้น
          เทคนิคการพิมพ์นามบัตรแต่ละแห่งจะแตกต่างกันออกไปโดยคุณสามารถเลือกหรือขอดูตัวอย่างงานเหล่านั้น
จากโรงพิมพ์ที่ใช้บริการได้  หรืออาจจะอธิบายความต้องการของคุณให้กับโรงพิมพ์เพื่อที่จะสามารถช่วยคิดวิธีการที่จะได้
งานพิมพ์นามบัตรที่ตรงตามใจของคุณได้
Tags : พิมพ์นามบัตร
#66
ไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร? ทำความรู้จักพื้นไม้ที่ได้รับความนิยม

เมื่อนึกถึงพื้นไม้ที่ให้ความอบอุ่น สวยงาม และเป็นธรรมชาติ พื้นไม้จริงมักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง แต่ในปัจจุบัน มีวัสดุปูพื้นอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) ซึ่งเป็นพื้นไม้ที่ผสมผสานความสวยงามของไม้จริงเข้ากับคุณสมบัติที่เหนือกว่าในหลายๆ ด้าน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับไม้เอ็นจิเนียร์ให้มากขึ้น ว่ามันคืออะไร มีโครงสร้างอย่างไร และทำไมจึงเป็นที่นิยมในยุคนี้

ไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร?
ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) คือ พื้นไม้สำเร็จรูปประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ทำจากไม้จริงทั้งชิ้น แต่เป็นการนำไม้จริงมาแปรรูปและประกอบเข้าด้วยกันเป็นชั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว ไม้เอ็นจิเนียร์ประกอบด้วยชั้นไม้ที่แตกต่างกันตั้งแต่ 2-3 ชั้นขึ้นไป อัดแน่นเข้าด้วยกันภายใต้ความร้อนและแรงดันสูง ทำให้ได้พื้นไม้ที่มีความแข็งแรง คงตัว และทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าไม้จริงบางประเภท
หัวใจสำคัญของไม้เอ็นจิเนียร์คือการออกแบบโครงสร้างแบบหลายชั้น โดยชั้นบนสุดจะเป็น "ชั้นไม้จริง" (Wear Layer) ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งคุณภาพดี ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์ยังคงให้สัมผัสและความสวยงามของลายไม้ธรรมชาติเหมือนพื้นไม้จริงทุกประการ

โครงสร้างพื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
ความคงตัวและความทนทานของไม้เอ็นจิเนียร์มาจากโครงสร้างการประกอบแบบพิเศษ ซึ่งมักจะประกอบด้วย 3-4 ชั้นหลักๆ ได้แก่:
[ol]
  • ชั้นไม้จริง (Wear Layer / Top Layer): เป็นชั้นบนสุด ทำจากแผ่นไม้จริงบางๆ (Veneer) ของไม้เนื้อแข็งหลากหลายชนิด เช่น ไม้โอ๊ค (Oak), ไม้วอลนัท (Walnut), ไม้เมเปิ้ล (Maple), ไม้สัก (Teak) หรือไม้ชนิดอื่นๆ ชั้นนี้มีความหนาที่แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อและความเกรดของไม้ ยิ่งชั้นไม้จริงมีความหนามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถขัดทำสีใหม่ได้หลายครั้งมากขึ้น
  • ชั้นแกนกลาง (Core Layer): เป็นชั้นที่หนาที่สุด ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลัก มักทำจากไม้เนื้ออ่อนอัดประสานแบบหลายชั้น (Plywood) หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (MDF - Medium-Density Fibreboard) หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูง (HDF - High-Density Fibreboard) ชั้นแกนกลางนี้จะถูกนำมาเรียงซ้อนกันแบบสลับเสี้ยนไม้ในแนวตั้งฉาก ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยลดการยืดหดตัวและโก่งงอของไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออุณหภูมิและความชื้นเปลี่ยนแปลง
  • ชั้นล่างสุด (Backing Layer / Stabilizing Layer): เป็นชั้นฐานอยู่ด้านล่างสุด มักทำจากไม้เนื้ออ่อนหรือไม้วีเนียร์บางๆ มีหน้าที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับแผ่นไม้เอ็นจิเนียร์ทั้งแผ่น ป้องกันการโก่งตัว และช่วยให้พื้นไม้มีความมั่นคงเมื่อติดตั้ง
[/ol]
การประกอบชั้นไม้ต่างๆ เข้าด้วยกันในลักษณะนี้ ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์มีคุณสมบัติเด่นในเรื่อง "ความคงตัว" (Stability) สูงกว่าพื้นไม้จริงที่ทำจากไม้แผ่นเดียวอย่างมาก

ทำไมพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จึงได้รับความนิยม?
ด้วยโครงสร้างและคุณสมบัติพิเศษ ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการปูพื้นในที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ เช่น:
[ul]
  • ความสวยงามเหมือนไม้จริง 100%: เนื่องจากชั้นบนสุดเป็นไม้จริง ทำให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีลวดลาย สีสัน และสัมผัสที่เป็นธรรมชาติของไม้จริงอย่างแท้จริง สามารถเลือกชนิดไม้และสีเคลือบผิวได้หลากหลายตามต้องการ
  • ความคงตัวสูง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น: นี่คือจุดเด่นที่สุดของไม้เอ็นจิเนียร์ ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้นที่สลับเสี้ยนไม้ ทำให้มันมีการยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริงแผ่นเดียวอย่างมาก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือความชื้นบ่อยๆ เช่น ในคอนโดมิเนียม หรือห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
  • ติดตั้งง่ายและหลากหลายวิธี: ไม้เอ็นจิเนียร์สามารถติดตั้งได้หลายแบบ เช่น ติดตั้งแบบลอยตัว (Floating Installation) โดยไม่ต้องใช้กาวหรือตะปูยึดกับพื้นเดิม เหมาะสำหรับพื้นคอนกรีต หรือจะติดตั้งแบบติดกาว (Glue-down) หรือยึดด้วยตะปู (Nail/Staple Down) ก็ได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • ทนทานต่อแรงกระแทกและการใช้งาน: ด้วยชั้นแกนกลางที่แข็งแรง ช่วยเสริมความทนทานของพื้นไม้ต่อแรงกดและการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • ราคาเข้าถึงง่ายกว่าพื้นไม้จริงคุณภาพสูง: โดยทั่วไปแล้ว ไม้เอ็นจิเนียร์มักมีราคาต่อตารางเมตรที่ย่อมเยากว่าพื้นไม้จริงที่ทำจากไม้เนื้อแข็งชนิดเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
  • สามารถขัดทำสีใหม่ได้: แม้จะไม่สามารถขัดได้หลายครั้งเท่าไม้จริงแผ่นหนา แต่ไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีชั้นไม้จริงหนาพอสมควรก็สามารถทำการขัดและทำสีใหม่ได้ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นไม้จริง ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นได้
[/ul]



ไม้เอ็นจิเนียร์ เป็นพื้นไม้ทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นผิวที่สวยงามเป็นธรรมชาติของไม้จริง แต่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่าในเรื่องความคงตัว ทนทานต่อความชื้น และงบประมาณที่เข้าถึงง่าย ด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์สามารถติดตั้งได้หลากหลายพื้นที่ และดูแลรักษาได้ไม่ยากนัก หากคุณกำลังมองหาพื้นไม้ที่ผสมผสานความสวยงาม ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า พื้นไม้เอ็นจิเนียร์คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้ามครับ

Tags : ไม้เอ็นจิเนียร์ engineer ks wood
#67
ขายอาคารพาณิชย์ใกล้รถไฟฟ้าบางพลัด-ฝั่งธน  ลงทุนอสังหาฝั่งธน-โอกาสทองสำหรับนักลงทุน  อาคารพาณิชย์เหมาะทำเป็น-Airbnb-ห้องเช่า-ออฟฟิศ-บางพลัด 
 
ขายอาคารพาณิชย์ใกล้รถไฟฟ้าบางพลัด-ฝั่งธน 


 ลงทุนอสังหาฝั่งธน-โอกาสทองสำหรับนักลงทุน 
อาคารพาณิชย์2คูหา5 ชั้น  ติดถนนสิรินธร ทำเลทอง  ใกล้BTSสถานีสิรินธร  ทำเลทองฝั่งธน ใกล้เซ็นทรัลปิ่นเกล้า โอกาสทองสำหรับนักลงทุน ลงทุนอสังหาฝั่งธน,


 ทุน  อาคารพาณิชย์เหมาะทำเป็น-Airbnb-ห้องเช่า-ออฟฟิศ-บางพลัด
ขายอาคารพาณิชย์2คูหา5ชั้น บนถนนใหญ่ ถนนสิรินธร บางพลัด เพียงไม่กี่ก้าวจาก BTS สายสีน้ำเงิน สถานีสิรินธร ใกล้เซ็นทรัลปิ่นเกล้า – ทำเลทองฝั่งธนฯ หายาก! เหมาะสำหรับทำสำนักงาน + ปล่อยเช่า/ทำ Airbnbรายวัน


Prime Commercial Building for Sale! 2 Units (5 Floors) on Sirindhorn Road – Near BTS Blue Line – Ideal for Office & Airbnb Rental

อาคารพาณิชย์- ตึกแถวใกล้รถไฟฟ้าฝั่งธน

ข้อมูลทรัพย์
เนื้อที่รวม 38 ตารางวา (2 คูหา ห้องละ 19 ตร.ว.)
แบ่งเป็น 2 ฝั่งชัดเจน:
ฝั่งสำนักงาน (3 ชั้น): มีห้องทำงาน 4 ห้อง + ห้องประชุม 1 ห้อง + ห้องน้ำ 4 ห้อง
ฝั่งห้องพัก (5 ชั้น):
ห้องพักรวม 4 ห้อง พร้อมห้องน้ำ 2 ห้อง
ห้องโถง, ห้องครัว, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ
ชั้นลอย + ดาดฟ้า พร้อมห้องน้ำ
เหมาะทำเป็น Airbnb หรือที่พักให้เช่า

ที่จอดรถ: รถยนต์ 2 คัน / มอเตอร์ไซค์ได้ถึง 10 คัน
ระบบสาธารณูปโภคครบ พร้อมเข้าอยู่หรือดัดแปลงได้ตามธุรกิจ

สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ใกล้ BTS สิรินธร (สายสีน้ำเงิน)
ติดถนนใหญ่ สิรินธร
ใกล้ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เมเจอร์ ปิ่นเกล้า
ใกล้โรงพยาบาลยันฮี, โรงเรียน, สถานที่ราชการ

ราคาขาย
คูหาละ 9.5 ล้านบาท
ขายรวม 2 คูหาเพียง 19 ล้านบาท (โอกาสทองสำหรับนักลงทุน!)

ดูพิกัดที่นี่:
Google Maps  https://maps.app.goo.gl/2MUB1nxU6GHjXEuQ8

สนใจติดต่อด่วน:
คุณณัฐวุฒิ
 โทร: 094-783-9826 (แนะนำโทรโดยตรง)
 Line: @293frihw


รายละเอียดเพ่มเติม
https://www.pantipmarket.com/items/21750102
้https://www.รับจ้างโพสต์ขายบ้าน.com/ขายอาคารพาณิชย์ทำเลทอง/


ขายด่วน อาคารพาณิชย์2 คูหา5 ชั้น ติดถนนสิรินธร  ทำเลทอง ใกล้BTSสถานีสิรินธร  เหมาะทำออฟฟิศ-ห้องพัก/ทำห้องเช่าAirbnb Commercial Building-Bang Phlat- Near Sirindhorn  BTS Blue Line– Good for Office & Airbnb Rental  Commercial Building-Bang Phlat- Near Sirindhorn BTS Blue Line– Good for Office & Airbnb Rental Prime Commercial Building for Sale! 2 Units (5 Floors) on Sirindhorn Road – Near BTS Blue Line – Ideal for Office & Airbnb Rental
#68
ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ และสิ่งที่ควรรู้เพื่อให้พื้นสวยงามและทนทาน


พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ให้ความสวยงามของไม้จริง พร้อมคุณสมบัติที่ดีขึ้นในเรื่องความคงตัว การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อาจดูเหมือนง่ายกว่าการติดตั้งพื้นไม้จริงแบบดั้งเดิม แต่ก็ยังต้องอาศัยความใส่ใจในรายละเอียดและการทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้พื้นไม้ที่สวยงาม ได้ระนาบ และมีอายุการใช้งานยาวนาน บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่สำคัญ พร้อมสิ่งที่ควรรู้และข้อควรระวัง ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการจ้างช่างมืออาชีพและผู้ที่สนใจติดตั้งด้วยตัวเอง (DIY)
สิ่งที่ควรรู้และต้องเตรียมการ ก่อนเริ่มติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์

การเตรียมการที่ดีคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการติดตั้งพื้นไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีหลายสิ่งที่คุณต้องจัดการก่อนที่จะเริ่มปูไม้แผ่นแรก:
[ol]
  • การปรับสภาพไม้ (Acclimatization): พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จำเป็นต้องปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิและความชื้นของห้องที่จะติดตั้ง โดยปกติควรนำไม้ไปวางไว้ในห้องนั้นๆ ในบรรจุภัณฑ์ที่ยังไม่แกะออก หรือแกะแล้ววางเรียงไว้ (ตามคำแนะนำของผู้ผลิต) เป็นเวลาอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง (หรือนานกว่านั้นในบางกรณี) เพื่อให้ไม้มีการยืดหดตัวตามสภาพแวดล้อมจริงก่อนติดตั้ง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาวูดโก่ง บวม หรือแยกตัวหลังการติดตั้ง
  • การเตรียมพื้นเดิม (Subfloor Preparation): พื้นเดิม (Subfloor) ต้องมีลักษณะดังนี้:
    [ul]
    • สะอาด: กวาดและดูดฝุ่น เศษหิน ดิน ทราย หรือคราบกาวต่างๆ ออกให้หมด
    • แห้งสนิท: ความชื้นเป็นศัตรูสำคัญของพื้นไม้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นคอนกรีตแห้งสนิท (อาจใช้เครื่องวัดความชื้น) หากมีความชื้นสูง อาจต้องติดตั้งแผ่นฟิล์มพลาสติกกันความชื้น (Moisture Barrier) ก่อนปูไม้
    • ได้ระนาบ: พื้นต้องเรียบและได้ระนาบ ไม่มีหลุม บ่อ หรือส่วนที่นูนสูงเกินไป หากพื้นไม่เรียบมาก อาจต้องปรับระดับพื้นด้วยปูนปรับระดับ (Self-leveling Compound) หรือขัดส่วนที่นูนออก
    • แข็งแรงมั่นคง: พื้นเดิมต้องแข็งแรง ไม่ยุบตัว หรือมีเสียงดังขณะเดิน
    • รื้อพื้นเดิม (ถ้าจำเป็น): หากมีพื้นเดิมอยู่ เช่น พรม ควรทำการรื้อออกให้หมดก่อน
    [/ul]
  • การตรวจสอบไม้: ก่อนและระหว่างการติดตั้ง ควรตรวจสอบไม้เอ็นจิเนียร์แต่ละแผ่นว่ามีตำหนิ เสียหาย หรือสีผิดเพี้ยนหรือไม่ คัดแยกแผ่นที่มีปัญหาออกเพื่อนำไปใช้ในส่วนที่ต้องตัด หรือแจ้งผู้ขายหากพบความเสียหายจำนวนมาก
  • การรวบรวมเครื่องมือ: เตรียมเครื่องมือที่จำเป็นให้พร้อม ซึ่งรวมถึง:
    [ul]
    • ตลับเมตร
    • เลื่อย (เลื่อยวงเดือน, เลื่อยจิ๊กซอว์) สำหรับตัดไม้
    • ค้อนยาง หรือ Tapping Block สำหรับเคาะไม้เข้าลิ้น
    • Pull Bar หรือ Pry Bar สำหรับดึงไม้แผ่นสุดท้ายให้เข้าที่
    • Spacers (ตัวเว้นระยะ) สำหรับรักษาระยะห่างจากผนัง (Expansion Gap)
    • มีดคัตเตอร์สำหรับตัดแผ่นรองพื้น
    • ดินสอ
    • อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย, ถุงมือ
    • (สำหรับติดตั้งแบบติดกาว) เกรียงสำหรับปาดกาว, กาวสำหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
    • (อาจจำเป็น) เครื่องวัดความชื้นสำหรับพื้นคอนกรีต, ไม้บรรทัดยาว หรือระดับน้ำ
    [/ul]
[/ol]

ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (สำหรับระบบคลิกล็อกแบบลอยตัว ซึ่งเป็นที่นิยม)
การติดตั้งแบบลอยตัว (Floating Installation) โดยใช้ระบบคลิกล็อก (Click-lock System) เป็นวิธีที่นิยมสำหรับไม้เอ็นจิเนียร์ เพราะติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้กาวหรือตะปูยึดติดกับพื้นเดิม:
ขั้นตอนที่ 1: วางแผนทิศทางการปูและจัดแนวเริ่มต้น ตัดสินใจว่าจะปูพื้นไม้ไปในทิศทางใด โดยทั่วไปมักจะปูให้ขนานกับผนังที่ยาวที่สุด หรือตั้งฉากกับแนวคานพื้น (ในกรณีที่เป็นพื้นไม้เดิม) การเริ่มต้นปูแถวแรกให้ตรงและได้แนวเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นแนวทางสำหรับการปูทั้งห้อง
ขั้นตอนที่ 2: ติดตั้งแผ่นรองพื้น (Underlayment) ปูแผ่นรองพื้นสำหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (ซึ่งอาจเป็นโฟม PE, EVA หรือวัสดุอื่นๆ ที่มีฟิล์มกันความชื้นในตัว หรือต้องปูแผ่นฟิล์มกันความชื้นก่อนแล้วจึงปูแผ่นรองพื้น) แผ่นรองพื้นช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นเดิม ลดเสียงดังจากการเดิน และช่วยปรับระดับพื้นเดิมที่ไม่เรียบเล็กน้อย ปูแผ่นรองพื้นให้คลุมพื้นที่ทั้งหมด โดยให้ขอบแต่ละแผ่นชิดกันหรือซ้อนทับกันเล็กน้อยตามคำแนะนำของผู้ผลิต
ขั้นตอนที่ 3: เริ่มปูไม้แถวแรก เริ่มต้นปูจากมุมห้อง โดยให้ด้านลิ้นของไม้หันออกจากผนัง วางไม้แผ่นแรกโดยเว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 10-15 มิลลิเมตร (สำหรับเป็นระยะห่างการขยายตัว หรือ Expansion Gap) โดยใช้ Spacers สอดไว้ระหว่างขอบไม้กับผนัง วางไม้แผ่นถัดไปในแถวแรก เชื่อมต่อด้วยระบบคลิกล็อกของไม้แต่ละแผ่น ใช้ Tapping Block และค้อนยางเคาะเบาๆ ที่ขอบไม้เพื่อให้ลิ้นและร่องเข้าสนิทกันตลอดแนว
ขั้นตอนที่ 4: การตัดไม้และการปูแถวถัดไป เมื่อปูไม้ถึงปลายแถว ให้วัดระยะที่เหลือและตัดไม้แผ่นสุดท้ายให้พอดี (อย่าลืมหักระยะ Expansion Gap ที่ปลายแถวด้วย) มักจะใช้เศษไม้ที่เหลือจากการตัดแผ่นสุดท้าย (ถ้ามีความยาวพอสมควร) เพื่อเริ่มต้นปูในแถวที่สอง การเริ่มต้นแถวใหม่ด้วยเศษไม้จะช่วยให้รอยต่อของแผ่นไม้ในแต่ละแถวไม่ตรงกัน (Staggered Joints) ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความสวยงาม ปูแถวที่สองโดยนำแผ่นไม้มาเอียงทำมุมเล็กน้อยแล้วกดให้คลิกเข้ากับลิ้นของไม้แถวแรก ค่อยๆ วางแผ่นไม้ลง แล้วใช้ Tapping Block และค้อนยางเคาะตามยาวเพื่อให้แผ่นไม้เข้าสนิทกันตลอดแนว ทำซ้ำขั้นตอนนี้ไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงผนังฝั่งตรงข้าม
ขั้นตอนที่ 5: การตัดไม้รอบสิ่งกีดขวาง เมื่อต้องปูไม้รอบเสา วงกบประตู หรือมุมห้องต่างๆ ต้องวัดขนาดและตัดไม้ให้เป็นรูปทรงตามสิ่งกีดขวางนั้นๆ อย่างระมัดระวัง โดยยังคงต้องเว้นระยะ Expansion Gap รอบสิ่งกีดขวางเหล่านั้นด้วย
ขั้นตอนที่ 6: การปูแถวสุดท้าย เมื่อมาถึงแถวสุดท้าย มักจะต้องวัดความกว้างของแถวสุดท้ายและใช้เลื่อยตัดไม้ตามยาวตลอดแนว (อย่าลืมหักระยะ Expansion Gap ที่ชิดผนัง) การใส่ไม้แผ่นสุดท้ายอาจต้องใช้ Pull Bar สอดเข้าไปที่ขอบไม้ด้านที่ชิดผนัง แล้วใช้ค้อนเคาะเบาๆ เพื่อดึงให้แผ่นไม้เข้าลิ้นกับไม้ในแถวก่อนหน้าจนสนิท
ขั้นตอนที่ 7 (สำหรับวิธีติดกาว - Glue-down): หากเลือกติดตั้งแบบติดกาว หลังจากเตรียมพื้นเดิมและวางแนวแล้ว ให้ใช้เกรียงสำหรับปาดกาว (เลือกขนาดและชนิดของเกรียงตามคำแนะนำของผู้ผลิตกาว) ปาดกาวลงบนพื้นเดิมทีละส่วน (ประมาณ 1-2 ตารางเมตร) แล้วนำไม้เอ็นจิเนียร์มาวางและกดลงบนกาวทันที ทำตามขั้นตอนการปูเหมือนวิธีลอยตัว แต่ต้องระวังไม่ให้กาวเลอะขึ้นมาบนผิวไม้ และเช็ดกาวที่เลอะออกทันทีตามคำแนะนำของกาวที่ใช้

สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมและข้อควรระวังในการติดตั้ง
[ul]
  • ระยะห่างการขยายตัว (Expansion Gap): ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างจากผนัง เสา วงกบ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ รอบพื้นที่ติดตั้ง ระยะห่างนี้ (ปกติ 10-15 มม.) จำเป็นเพื่อให้พื้นไม้มีการขยายตัวตามธรรมชาติโดยไม่ดันหรือโก่งตัว
  • คำแนะนำของผู้ผลิต: สิ่งสำคัญที่สุดคือต้อง อ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำในการติดตั้งของผู้ผลิตไม้เอ็นจิเนียร์ที่คุณเลือกใช้ อย่างเคร่งครัด เพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ระยะเวลาปรับสภาพ, ชนิดของแผ่นรองพื้น, ชนิดของกาว, วิธีการต่อลิ้น อาจแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อและรุ่น
  • คุณภาพของแผ่นรองพื้น/กาว: เลือกใช้แผ่นรองพื้นหรือกาวที่มีคุณภาพดี และเหมาะสมกับชนิดของไม้เอ็นจิเนียร์และสภาพพื้นเดิมตามคำแนะนำ
  • การติดตั้งในพื้นที่ชื้น: แม้จะทนความชื้นได้ดีกว่าไม้จริง แต่ไม้เอ็นจิเนียร์ส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับการติดตั้งในห้องน้ำ หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนน้ำท่วมขัง หากต้องการติดตั้งในพื้นที่ใกล้เคียง ควรเพิ่มการป้องกันความชื้นที่เหมาะสม
  • DIY vs. ช่างมืออาชีพ: การติดตั้งแบบคลิกล็อกสามารถทำเองได้สำหรับห้องที่ไม่ซับซ้อนและผู้ที่มีทักษะงานช่างพื้นฐาน แต่สำหรับการติดตั้งแบบติดกาว ห้องที่มีรูปทรงซับซ้อน หรือหากไม่มั่นใจ ควรจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์โดยเฉพาะ
[/ul]
หลังการติดตั้ง
หลังจากติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดพื้นผิวโดยการดูดฝุ่นหรือกวาดเศษไม้และขี้เลื่อยออก ติดตั้งบัวเชิงผนัง (Baseboard) หรืออุปกรณ์จบงานอื่นๆ เพื่อปิดช่องว่าง Expansion Gap ที่เว้นไว้ ควรหลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์หนักๆ ทันทีหลังติดตั้ง (โดยเฉพาะวิธีติดกาว) เพื่อให้กาวเซ็ตตัวเต็มที่ และเริ่มต้นการดูแลรักษาพื้นตามคำแนะนำของผู้ผลิต



การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ต้องอาศัยความใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่การเตรียมพื้น การปรับสภาพไม้ ไปจนถึงขั้นตอนการปูแต่ละแผ่น การทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตและการเว้นระยะห่างการขยายตัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แม้การติดตั้งบางวิธีจะทำได้เอง แต่หากไม่มั่นใจ การลงทุนจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของคุณสวยงาม ได้มาตรฐาน และใช้งานได้ยาวนาน

Tags : การติดตั้งไม้เอ็นจิเนียร์ engineer
#69
thailotto เว็บหวยออนไลน์เปิดให้บริการ แทงหวย24 ชม. ทุกชนิด หวยรัฐบาล, หวยยี่กี, หวยลาว, หวยฮานอย, หวยมาเลย์, หวยยี่กี และ หวยหุ้น แทงหวย24 ได้ตลอดทั้งวัน.
#70
พิมพ์นามบัตร Digital Offset ราคาคละแบบได้ เริ่มต้นขั้นต่ำ 100 ใบ 100 บาท
พิมพ์เพลินพริ้นท์ มีบริการ Template พิมพ์นามบัตรสวยๆ ไว้ให้เลือกมากกว่า 100 แบบ